My Photo

我的时候

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

สนธิสัญญาเบาว์ริง



หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีประเทศอังกฤษแลประเทศสยาม (อังกฤษ: Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam)หรือบนปกสมุดไทย ใช้ชื่อว่า หนังสือสัญญาเซอยอนโบวริง หรือที่มักเรียกกันทั่วไปว่า สนธิสัญญาเบาว์ริ
 (อังกฤษ: Bowring Treaty)เป็นสนธิสัญญาที่ราชอาณาจักร
สยามทำกับสหราชอาณาจักร ลงนามเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 โดยเซอร์จอห์น เบาว์ริง ราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย เข้ามาทำสนธิสัญญา ซึ่งมีสาระสำคัญในการเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศในสยาม มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศโดยการสร้างระบบการนำเข้าและ
ส่งออกใหม่ เพิ่มเติมจากสนธิสัญญาเบอร์นี สนธิสัญญาฉบับก่อนหน้าซึ่งได้รับการลงนามระหว่างสยามและสหราชอาณาจักรใน พ.ศ. 2369


สนธิสัญญาดังกล่าวอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าเสรีในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากในอดีตการค้าของชาวตะวันตกได้รับการ
จัดเก็บภาษีอย่างหนักสนธิสัญญาดังกล่าวยังอนุญาตให้จัดตั้งกุงสุ
ลอังกฤษในกรุงเทพมหานครและรับประกันสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ตลอดจนอนุญาตให้ชาวอังกฤษสามารถถือครองที่ดินในสยามได้

การส่งออกสินค้าในจีน




1.ความเป็นมาของเขตการค้าเสรี
1.1 ความหมายของนโยบายการค้าเสรี


                นโยบายการค้าเสรี (Free Trade Policy) มีรากฐานมาจากทฤษฎีการได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (The Theory of Comparative Advantage) ที่เสนอว่า แต่ละประเทศควรจะเลือกผลิตแต่เฉพาะสินค้าที่ตนมีต้นทุนการผลิตได้เปรียบโดยเปรียบเทียบมากที่สุด แล้วนำสินค้าที่ผลิตได้นั้นไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ประเทศอื่นมีต้นทุนการผลิตได้เปรียบ ถึงแม้ว่าประเทศหนึ่งจะอยู่ในฐานะเสียเปรียบอีกประเทศหนึ่งในการผลิตสินค้าทุกชนิดก็ตาม ประเทศทั้งสองก็ย่อมจะทำการค้าต่อกันได้ โดยแต่ละประเทศจะเลือกผลิตเฉพาะสินค้าที่เมื่อเปรียบกับสินค้าอื่นแล้ว ประเทศตนสามารถผลิตได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด แล้วนำมาแลกเปลี่ยนสินค้าที่ผลิตขึ้นกับอีกประเทศหนึ่ง
                นโยบายการค้าเสรีไม่สนับสนุนการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงและขจัดข้อบังคับต่าง ๆ ที่กีดกันการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นประเทศที่ใช้นโยบายการค้าเสรีจะมีลักษณะโดยทั่วไป ดังนี้
                        1) ดำเนินการผลิตตามหลักการแบ่งงานกันทำ กล่าวคือ เลือกผลิตแต่สินค้าที่ประเทศนั้นมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงและมีต้นทุนการผลิตต่ำ
                        2) ไม่มีการเก็บภาษีคุ้มกัน (Protective Duty) เพื่อคุ้มครองช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศแต่อย่างใด คงเก็บแต่ภาษีศุลกากรเพื่อเป็นรายได้ของรัฐ
                        3) ไม่ให้สิทธิพิเศษหรือกีดกันสินค้าของประเทศใดประเทศหนึ่ง มีการเก็บภาษีอัตราเดียวและให้ความเป็นธรรมแก่สินค้าของทุกประเทศเท่าๆ กัน
                        4) ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า (Trade Restriction) ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ ไม่มีการควบคุมการนำเข้าหรือการส่งออกที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ ยกเว้นการควบคุมสินค้าบางอย่างที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย ศีลธรรมจรรยาหรือความมั่นคงของรัฐเท่านั้น

การขยายตัวของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในจีน


1. การจัดทำเว็บไซต์ของบริษัทเอง ทั้งนี้ ต้องลงทุนในด้าน
เทคโนโลยี และว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

2. การดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสมัคร
เป็นสมาชิกและชำระค่าสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นช่องทางที่ลงทุนต่ำ

และรวดเร็ว เช่น เว็บไซต์ Taobao.com ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 เว็บไซต์ Taobao.com ได้ตั้งบริการ B2C ให้ผู้ประกอบการเปิดร้านค้าและจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์พาณิชย์

อิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบัน Taobao.com ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ โดยในเว็บไซต์Taobao.com ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าจากประเภทของสินค้า หรือค้นหาตาม


รูปแบบที่ต้องการ ในกรณีที่ลูกค้าสั่งสินค้าและได้ให้รายละเอียด นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสนทนากับเจ้าของร้านโดยตรงผ่านโปรแกรม AliWW และให้คะแนนความ

พึงพอใจ รวมทั้งให้คะแนนต่อสินค้า นอกจากนี้ Taobao.com ยังมีระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำหน้าที่สุดใน

ประเทศจีน

การทหารของจีน


เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ประกาศรายงานกำลังทหารจีนประจำปี 2004 ฉบับหนึ่งที่ยื่นต่อสภาทางเว็ปไซท์ทางการของกระทรวง รายงานฉบับนี้ได้เเต่งเติบความเหลี่ยมล้ำด้านกำลังทหาระหว่างเเผ่นดินใหญ่จีนกับไต้หวันเป็นการใหญ่ เเละประกาศว่า ทหารปลดเเอกของจีนกำลังเตรียมการเพื่อเเอกชนะใน สงครามช่องเเคบไต้หวันที่อาจจะเิกิดขึ้น ฝ่ายไต้หวันก็ใช้การณ์นี้ มาดำเนินกิจกรรมบางอย่าง ประกาศว่าจะต้องมีสงครามระหว่างสองฟากฝั่งช่อง เเคบไตหวันภายในสองปี เเละเเผ่นดินใหญ่จะยึดไต้หวันได้ด้วย ในไม่กี่วันเป็นต้น ต่อการณ์นี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีน
หลังจากสหรัฐประกาศรายงานกำลังทหารจีนเเล้ว ยังความสนใจจากวงการต่างๆอย่างมาก โดยพิจารณาจากสถานการณ์ของช่องเเคบไต้หวันในปัจจุบัน ศาสตราจารย์จิน อีหนานเเห่งมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศจีนเห็นว่า การที่ฝ่ายทหารสหรัฐประกาศรายงานประเมินกำลังทหารของจีน ในทุกปีนั้น เป็ฯการพยายามจะหา "คู่ต่อสู้"รายหนึ่ง เพื่อหาข้ออ้างให้ กับการดำรงอยู่ของกำลังทหารที่มีขนาดใหญ่ของตน เป็นการเเสดง ออกองความคิดสงครามเย็น เขากล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศรายงานเกี่ยวกับกำลังทหารประจำปีของจีนใน เเต่ละปีนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิดยุทธศาสตร์เเบบเก่า เอาความคิดที่ล้า่หลังมาบรรยายโลกในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความต้องการ ที่จะยับยั้งการพัฒนาของจีัน


เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ประกาศรายงานกำลังทหารจีนประจำปี 2004 ฉบับหนึ่งที่ยื่นต่อสภาทางเว็ปไซท์ทางการของกระทรวง รายงานฉบับนี้ได้เเต่งเติบความเหลี่ยมล้ำด้านกำลังทหาระหว่างเเผ่นดินใหญ่จีนกับไต้หวันเป็นการใหญ่
เเละประกาศว่า ทหารปลดเเอกของจีนกำลังเตรียมการเพื่อเเอกชนะใน สงครามช่องเเคบไต้หวันที่อาจจะเิกิดขึ้น ฝ่ายไต้หวันก็ใช้การณ์นี้ มาดำเนินกิจกรรมบางอย่าง ประกาศว่าจะต้องมีสงครามระหว่างสองฟากฝั่งช่อง เเคบไตหวันภายในสองปี เเละเเผ่นดินใหญ่จะยึดไต้หวันได้ด้วย ในไม่กี่วันเป็นต้น ต่อการณ์นี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีน
หลังจากสหรัฐประกาศรายงานกำลังทหารจีนเเล้ว ยังความสนใจจากวงการต่างๆอย่างมาก โดยพิจารณาจากสถานการณ์ของช่องเเคบไต้หวันในปัจจุบัน ศาสตราจารย์จิน อีหนานเเห่งมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศจีนเห็นว่า การที่ฝ่ายทหารสหรัฐประกาศรายงานประเมินกำลังทหารของจีน ในทุกปีนั้น เป็ฯการพยายามจะหา "คู่ต่อสู้"รายหนึ่ง เพื่อหาข้ออ้างให้ กับการดำรงอยู่ของกำลังทหารที่มีขนาดใหญ่ของตน เป็นการเเสดง ออกองความคิดสงครามเย็น เขากล่าวว่า
การที่สหรัฐประกาศรายงานเกี่ยวกับกำลังทหารประจำปีของจีนใน เเต่ละปีนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิดยุทธศาสตร์เเบบเก่า เอาความคิดที่ล้า่หลังมาบรรยายโลกในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความต้องการ ที่จะยับยั้งการพัฒนาของจีัน

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

อุตสาหกรรมในจีน







   

    

    เผยสินค้าไทย ที่จีน ขาดแคลน และเป็นที่ต้องการมาก ทั้งที่ปักกิ่ง เซียงไฮ้ เสฉวน กวางโจว ยูนาน ธิเบต หูหนัน หูเป่ย ชันตง เจียงซี ฯลฯ ขณะเดียวกันยังมีอุตสาหกรรมบางประเภท ที่ต้องการให้คนไทยเข้าไปลงทุน  ข้อมูลจากสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ชี้โอกาสทองของนักธุรกิจต่างชาติในการทำการค้า และการเข้าไปลงทุนไปในประเทศจีนตามความต้องการของแต่ละมณฑลทั้งในด้านสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม แม้ว่าจีนจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่เหมาะทำการเกษตร ทั้งการเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูก แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอันเนื่องมากจากนโยบายในการพัฒนาประเทศ ทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลงในแทบทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นข้าว ถั่วลิสง หรืออ้อยใน ขณะที่ความต้องการบริโภคอาหารโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ทั้งภาคเมืองและภาคชนบท  ซันซีต้องการสินค้าเกษตรเพิ่ม 20%  มณฑลซันซีที่ตั้งอยู่ทางเหนือ แม้จะมีพื้นฐานการเกษตรที่เข้มแข็ง สามารถปลูกพืชประเภทข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง มันฝรั่ง บัควีท และถั่ว แต่ก็ยังมีความต้องการสินค้าเกษตรที่ไม่สามารถผลิตได้อย่างข้าว ผักผลไม้เมืองร้อนเช่นกัน โดยมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในปีที่ผ่านมา    คนเสฉวนชอบข้าวไทย มณฑลเสฉวนแม้จะมีพื้นที่มีความหลากหลายและมีศักยภาพที่สามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารที่หลากหลาย แต่จำนวนประชากรที่มากถึง 87 ล้านคน ทำให้ความต้องการสินค้าเกษตรสูง ทั้งที่สินค้าเกษตรไทย เมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่นจะมีราคาที่สูงกว่า แต่คนเสฉวนมีทัศนคติในทางบวกกับสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ทำให้นักธุรกิจไทยมีโอกาสที่สดใสในมณฑลนี้ 
              
                   9พื้นที่ต้องการมันสำปะหลัง   จีนมีความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตกปีละ 6.6 ล้านตัน แต่สามารถผลิตในประเทศได้เพียง 3.75 ล้านตัน โดยจะนำไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นแป้งมัน แป้งมันสำเร็จรูป การนำไปผลิตแอลกอฮอล์ และใช้เป็นแป้งในอุตสาหกรรมเคมี โดยมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปี และไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของจีนในผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแทบทุกประเภท  โดยแต่ละพื้นที่จะมีความต้องการมันสำปะหลังที่แตกต่างกัน ที่มณฑลกว่างซี ยุนนาน อันฮุย เหอหนัน หูเป่ย เสฉวน และ กันซู ต้องการมันสำปะหลังเพื่อการเลี้ยงสัตว์คือจะใช้เป็นอาหารเสริมในการเลี้ยงหมู ขณะที่มณฑลเซียงไฮ้ และซันตง ต้องการมันสำปะหลังเพื่อไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ ดังนั้น โอกาสการที่นักธุรกิจไทยจะขยายตลาดไปยังจีนจึงมีสูงมาก จากการประมาณความต้องการมันสำปะหลังคาดว่าตลาดจีนน่าจะต้องการมันสำปะหลังไม่น้อยกว่าปีละ 5 – 10 ล้านตัน ในช่วง 10 ปีข้างหน้า      เหอเหลียงเจีย จีหลิน ต้องการอิเล็กทรอนิกส์ไทย ไทยผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ต่าง ๆ เพื่อการส่งออกที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับหนึ่ง ไปยังจีนโดยมีสินค้าที่ต้องการเป็นชิ้นส?วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดักเตอร? แผงวงจรไฟฟ?า และ Hard Disk Drive (HDD) โดยมีมูลค่ารวมนับแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 1,192 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราขยายตัวเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนถึงร้อยละ 73.95 โดยมีเมืองที่มีความต้องการสูง คือเมืองที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสารสนเทศเช่น เฮยหลงเจียง จี๋หลิน และ เสฉวน 

              จีนต้องการยางพารารองรับการขยายตัว แม้ว่าจีนจะมีความสามารถในการผลิตยางพาราใช้เอง แต่ไม่เพียงพอกับการบริโภคที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 เพื่อใช้ในการผลิตยางรถยนต์ และอุปกรณ์ก่อสร้างต่าง ๆ จากพื้นที่การผลิต 3.86 ล้านไร่ ทำให้มีกำลังการผลิตเพียง 0.5 ล้านตัน ขณะที่การบริโภคสูงถึง 1.5 ล้านตัน ทำให้จีนมีความต้องการในการนำเข้ายางพาราจากต่างประเทศ  สำหรับยางพาราจากประเทศไทยนั้นได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพโดยเมืองที่มีศักยภาพและต้องการสินค้ายางพาราไทย ได้แก่ เฮยหลงเจียง ที่เป็นเขตการค้ากับรัสเซียตลอดจนคนในพื้นที่มีกำลังซื้อสูง จี๋หลินที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่ เป็นเมืองท่า และรัฐเน้นพัฒนาเทคโนโลยีตลอดจนการคมนาคม มณฑลเทียนจินที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม เมืองท่าสำคัญและเป็นแหล่งสินค้าผลิตรถยนต์ เมืองคูนหมิง มณฑลยุนนาน ที่เป็นเมืองที่ภาคอุตสาหกรรมกำลังเติบโต และเมืองหลันโจว มณฑลกันซู่ ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคม เมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจวที่เป็นแหล่งนำเข้ายางพาราจากไทย               7 เมืองใหญ่ต้องการเม็ดพลาสติก      จีนเป็นประเทศที่ไทยส่งออกเม็ดพลาสติกมากเป็นอันดับสอง มีมูลค่าการส่งออก นับจากช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. ของปีนี้ จำนวน 300.87 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเม็ดพลาสติกถือเป็นสินค้าปฐมภูมิที่ใช้เป็นวัตถุดิบในผลิตอุตสาหกรรมอื่น แม้จีนจะมีความสามารถในการผลิตเช่นกันและมีข้อดีที่ค่าแรงถูก แต่ด้วยอัตราต้นทุนการผลิตที่สูงถึงร้อยละ 80 ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีมณฑลที่มีความต้องการจากไทยนั้นจะเป็นมณฑลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมได้แก่ จี๋หลิน เหลียวหนิง เทียนจิน ในภาคเหนือ ชานตง เจียงซู เจียงซี อันฮุยในภาคตะวันออก 

                     พื้นที่ลงทุนด้านอุตสาหกรรม    อย่างไรก็ดีการเข้าไปลงทุนเพื่อทำธุรกิจและอุตสาหกรรมในจีนนั้น ปัจจุบันนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในจีนเป็นอันดับที่ 18 ของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่อุตสาหกรรมการผลิต เช่นชิ้นส่วนรถยนต์ สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งภายใน เครื่องจักรกลการเกษตร การอุปโภคบริโภค รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ การผลิตยาสมุนไพร การบรรจุหีบห่อและภาคบริการ เช่นร้านอาหารไทย และในส่วนของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสาธารณูปโภค ทั้งนี้เพราะจีนกำลังขยายความเจริญจากเขตเมืองไปสู่ภาคตะวันตกของประเทศ  ขณะเดียวกันจีนมีความต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่นถ่านหิน เพื่อนำมาใช้ในรูปของพลังงานและการแปรรูปต่าง ๆ ซึ่ง มีพื้นที่ที่เปิดรับนักลงทุนในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นซันซี มองโกเลียใน อันฮุย เจียงซี เหอหนัน ส่านซี และมีการต้องการลงทุนในพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานลมที่ ธิเบต และหูหนัน   

สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน ญี่ปุ่น เกาหลี (ASEAN+3)

  1. ภูมิหลัง
~



  • วิกฤติเศรษฐกิจในเอเชียในปี 2540 ทำให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเสริมสร้างความร่วมมือให้แน่นแฟ้นขึ้น โดยมีแนวคิดริเริ่มและกลไกต่างๆ เพื่อการป้องกันและแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจในภูมิภาคนี
  • ในปี 2542 ประมุขของรัฐและรัฐบาลของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกับ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งเรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า อาเซียน+3 ได้ประชุมร่วมกันโดยตกลงที่จะเสริมสร้าง กลไกช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” (“self-help support mechanism”) ให้มากขึ้น ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ได้ประชุมที่เชียงใหม่ และได้ตกลงที่จะจัดตั้งโครงการการให้ความช่วยเหลือทางการเงินระดับภูมิภาค หรือที่เรียกว่า แนวคิดริเริ่มเชียงใหม่เพื่อเสริมกลไกโครงการเงินกู้ระหว่างประเทศที่มีอยู่ 
  • นอกจากนี้ สมาชิกประเทศของอาเซียน+3 ยังได้เล็งเห็นปัญหาการพึ่งพาการกู้เงินตราต่างประเทศระยะสั้นในช่วงวิกฤติ จึงได้หันมาพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาค เพื่อเพิ่มทางเลือกของการระดมเงินกู้ ดังนั้น จึงมีการจัดตั้งแนวคิดริเริ่มการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียในเดือนสิงหาคม 2546 ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการออกพันธบัตรสกุลท้องถิ่นและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดพันธบัตร 
                                                                2.  หน้าที่หลัก

  • ในปัจจุบัน งานของอาเซียน+3 สามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน การพัฒนาตลาดพันธบัตร และการสอดส่องดูแลเศรษฐกิจ
  • สำหรับด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน หรือ แนวคิดริเริ่มเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินระยะสั้น ในขณะนี้มี 8 ประเทศสมาชิกของกลุ่มอาเซียน+3 เข้าร่วมโครงการนี้ โดยจัดทำความตกลงทวิภาคีด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งเป็นเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเงินตราที่จะสามารถเบิกถอนได้เมื่อมีความต้องการ ขณะนี้จำนวนเงินรวมของเครือข่ายเท่ากับ 84 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวมีเพื่อเสริมโครงการเงินกู้ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ การเบิกถอนส่วนใหญ่จะทำได้เมื่อประเทศผู้กู้เข้าโครงการเงินกู้ของกองทุนการเงินฯ เท่านั้น อย่างไรก็ดี ประเทศสมาชิกสามารถเบิกถอนวงเงินได้ร้อยละ 20 ของวงเงินกู้รวมโดยไม่ต้องเข้าโครงการเงินกู้กองทุนการเงินฯ เพื่อช่วยสภาพคล่องในระยะสั้น ถึงแม้ว่าที่ผ่านมายังไม่มีการกู้เงินภายใต้แนวคิดริเริ่มเชียงใหม่นี้ แต่ก็มีการปรับปรุงกลไกอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกเห็นพ้องที่จะพัฒนาจากกลไกทวิภาคีในปัจจุบันเป็นระบบพหุภาคี โดยจะจัดตั้งกองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศแบบ Self-managed reserve pooling arrangementและมีสัญญาจัดตั้งกองทุนฉบับเดียว การหารือเรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
  • งานของ แนวคิดริเริ่มเพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรในเอเชีย ได้แบ่งเป็นคณะทำงาน 4 คณะ คือ (1) คณะทำงานด้านออกพันธบัตรในสกุลท้องถิ่น (2) คณะทำงานด้านการสร้างกลไกประกันสินเชื่อและการลงทุน (3) คณะทำงานด้านความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตราและโอนเงินในการซื้อขายพันธบัตร และ (4) คณะทำงานด้านธุรกิจการจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทในภูมิภาค 
  • ส่วนระบบการสอดส่องดูแลเศรษฐกิจของกลุ่มอาเซียน+3 นั้น ดำเนินการผ่านกลไกที่เรียกว่า การประเมินเศรษฐกิจและหารือด้านนโยบาย ซึ่งสมาชิกจะหารือภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจของตน ตลอดจนนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง ในการหารือนี้ ผู้แทนจากธนาคารพัฒนาเอเชียและกองทุนการเงินฯ เข้าร่วมในบางช่วงด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้การสอดส่องดูแลมีคุณภาพที่สูง ได้มีการจัดตั้ง คณะทำงานด้านเทคนิคเพื่อเฝ้าระวังเศรษฐกิจ และมี กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ มาให้ข้อมูลทางเทคนิคและความเห็นจากมุมมองภายนอก ตามลำดับ อนึ่ง ยังมี คณะวิจัยที่ทำงานวิจัยระยะยาวในประเด็นที่สมาชิกให้ความสนใจอีกด้วย
  • งานของอาเซียน+3 มีความคล้ายกับงานของอาเซียนในลักษณะที่มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยในด้านการเงินการธนาคารมีกระบวนการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ผลักดัน ซึ่งมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอาเซียน+3 ปีละครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ปีละสองครั้งเพื่อทบทวนและให้แนวทางแก่คณะทำงานของแนวคิดริเริ่มเชียงใหม่ และแนวคิดริเริ่มการพัฒนาพันธบัตรเอเชีย การประชุมดังกล่าวยังเป็นเวทีเพื่อการสอดส่องดูแลเศรษฐกิจอีกด้วย
                     

                           3. ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 พร้อมกับกระทรวงการคลังไทยโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของธปท. เช่น แนวคิดริเริ่มเชียงใหม่ และประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอดส่องดูแลเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ธปท. ยังมีส่วนร่วมในคณะทำงานต่างๆ ของแนวคิดริเริ่มการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียอีกด้วย

การเมืองการปกครอง สถานการณ์ทั่วไปในจีน


                                                   การเมือง
(1) การเมืองการปกครอง
ในระบอบการปกครองของจีนพรรคคอมมิวนิสต์จะเป็นผู้กำหนดนโยบายทุกด้านให้รัฐบาลไปปฏิบัติ (รัฐบาลจึงไม่ใช่องค์กรกำหนดนโยบาย) โดยจีนมีนโยบายภายในที่สำคัญ ดังนี้ 

1.2 จีนยังไม่เน้นการปฏิรูปทางการเมืองอย่างรวดเร็ว จะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะเดียวกัน เพื่อลดกระแสกดดันการเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนประเมินแล้วว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในระยะ 10 ปีข้างหน้า นายเจียง เจ๋อหมิน จึงได้เสนอหลักการ 3 ตัวแทนขึ้นมาและบรรจุลงไปในธรรมนูญของพรรค หลักการ 3 ตัวแทน จะสามารถลดแรงกดดันของกลุ่มนายทุนใหม่และนักวิชาการเรื่องปฏิรูปการเมืองได้ โดยพรรคคอมมิวนิสต์เปิดกว้างให้คนเหล่านี้เข้าไปมีส่วนร่วมใน พรรคและการบริหารประเทศได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ จีนได้เริ่มปล่อยให้การปกครองระดับท้องถิ่นในระดับตำบลและเมือง (อำเภอ) มีการเลือกตั้งโดยอิสระแล้วตั้งแต่ปี 2538
1.1 เน้นการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และกำหนดเป้าหมายให้ GDP เพิ่มขึ้นอีก 4 เท่าตัว และทำให้จีนสร้างความกินดีอยู่ดี “เสียวคาง” แก่คนจีนในระดับเดียวกับประเทศที่กำลังพัฒนาในระดับกลาง ภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) ในขณะเดียวกัน ก็ต้องแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของระดับการพัฒนาระหว่างภาคตะวันออก กับภาคตะวันตก ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาการเมือง สังคม ความแตกแยกของชนชาติที่รุนแรง จึงได้กำหนดให้พัฒนาภาคตะวันตกไปในเวลาเดียวกันด้วย
หลักการสามตัวแทนได้กำหนดให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นตัวแทนใน 3 ด้าน คือ 
(1) ด้านการผลิต โดยดูแลการพัฒนาทางเศรษฐกิจ 
(2) ด้านวัฒนธรรม โดยดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีของจีน และนำวัฒนธรรมอื่นที่ดีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ 
(3) เปิดให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นตัวแทนของประชาชนทุกชนชั้น กล่าวคือ ได้เปิดให้กลุ่มนายทุนและนักธุรกิจ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่พรรคกำหนดเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค และมีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรคจากตัวแทนเชิงปฏิวัติ หรือตัวแทนของชนชั้นแรงงาน เป็นตัวแทนเชิงบริหาร หรือตัวแทนของประชาชนทุกชนชั้น
(2) พรรคคอมมิวนิสต์จีน
สาธารณรัฐประชาชนจีนปกครองในระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์มีพรรค คอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีสมาชิกประมาณ 68 ล้านคน (สถิติเดือนกรกฎาคม 2546) เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศอย่างเบ็ดเสร็จตามแนวทางลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ความคิดของอดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง ทฤษฎีการสร้างสรรค์สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีนของเติ้ง เสี่ยวผิง รวมถึงทฤษฎีสามตัวแทนที่ได้รับการบรรจุเข้าในธรรมนูญของรัฐเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 โดยรัฐบาลและรัฐสภามีหน้าที่คอยปฏิบัติตามมติและนโยบายที่พรรค กำหนดโดยยึดหลักประชาธิปไตยรวมศูนย์ (Democratic Centralism) ตามธรรมนูญพรรค กำหนดให้มีการประชุมสมัชชาพรรคแห่งชาติ (Party Congress) ทุก 5 ปี นับตั้งแต่ได้มีการจัดตั้งพรรคขึ้นในปี 2464 จนถึงปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดให้มีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แล้วรวมทั้งสิ้น 16 ครั้ง โดยได้จัดประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 16 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 ซึ่งนายหู จิ่นเทา ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คนปัจจุบัน (วาระ 5 ปี)
การเมืองภายในจีนยังคงมีเสถียรภาพภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 8-14พฤศจิกายน 2545 ได้มีการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 16 ซึ่งมีการถ่ายโอนอำนาจจากผู้นำรุ่นที่ 3 ซึ่งมีนายเจียง เจ๋อหมิน เป็นแกนนำ ไปยังรุ่นที่ 4 ซึ่งมีนายหู จิ่นเทา เป็นแกนนำ
ที่ประชุมได้แต่งตั้งนายหู จิ่นเทา เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สืบแทนนายเจียง เจ๋อหมิน พร้อมทั้งแต่งตั้งสมาชิกถาวรประจำกรมการเมือง (Members of Standing Committee of the Political Bureau of the Central Committee of CPC) อีก 8 คน ถือได้ว่าบุคคลทั้ง 9 คนนี้ เป็นผู้ที่มีความสำคัญทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน
ระหว่างวันที่ 5-18 มีนาคม 2546 ได้มีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติสมัยที่ 10 ขึ้น ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการสรุปผลการบริหารประเทศในช่วง 5 ปี พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ โดยได้แต่งตั้งให้ นายหู จิ่นเทา เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นประธานาธิบดี (สืบแทนนายเจียง เจ๋อหมิน) และนายเวิน เจียเป่า เป็นนายกรัฐมนตรี (สืบแทนนายจู หรงจี) ในขณะที่ นายเจียง เจ๋อหมิน ยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อไปอีกสมัย